วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Bitcoin สร้างโลกยุคใหม่ด้วยสุดยอดสกุลเงินสายพันธ์ไอที

จะเป็นอย่างไร เมื่อเกิดเงินสกุลใหม่ขึ้นในโลกออนไลน์ แต่ธนาคารต่างพากันรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินน้องใหม่นี้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
Bitcoin สร้างโลกยุคใหม่ด้วยสุดยอดสกุลเงินสายพันธ์ไอที

           กระแสออนไลน์ยุคใหม่ผู้คนนิยมจับจ่าย หรือ เลือกซื้อสินค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต เพราะไม่มีพรมแดนกั้นระหว่างกัน ไม่ว่าท่านจะอยู่ซีกไหนของโลกก็สามารถหาร้านค้าออนไลน์ เพื่อจับจ่ายใช้สอยได้ตามต้องการตลอด 24 ชม. ผ่านร้านค้าดัง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Ebay, Amazon หรือจะเป็นร้านค้าออนไลน์สายเลือดคนไทยอย่าง weloveshopping, dealfish, RTB Plus และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ละร้านค้าต่างก็มีวิธีชำระเงินแตกต่างกัน บางร้านค้าให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร จ่ายเงินเป็นบัตร True Money บางร้านค้าใช้การชำระเงินผ่านบัตร Visa หรือ Master Card ซึ่งวิธีหลังนี้เป็นวิธีหลัก ๆ ในการชำระเงินหากท่านต้องการ จับจ่ายใช้สอย หรือซื้อหาจับจองสินค้าจากร้านค้าชั้นนำของโลก แต่หากว่าท่านไม่มีบัตร Visa แล้วล่ะก็คงหนีไม่พ้นบริการชำระเงินออนไลน์ โดยใช้บัญชีการเงินออนไลน์ซึ่งหลาย ๆ คนรู้จักดีในชื่อของ Paypal นั่นเองแต่ไม่ได้มีแค่ Paypal เพียงเจ้าเดียว

bitcoinaccepted.jpg

          ในหลาย ๆ ประเทศก็ล้วนมีระบบชำระเงินออนไลน์ผ่านบัญชีออนไลน์ ในรูปแบบเดียวกันกับ Paypal มากมายแม้กระทั่งในประเทศไทยก็มี Paysbuy, TOT e-Payment, True Online Billing & Payment เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านจำเป็นต้องมีเงินสดในมือก่อนจึงนำเงินสดเติมเข้าไปใน บัญชีออนไลน์ ก่อนที่จะสามารถใช้ชำระค่าสินค้าต่าง ๆ ได้ แต่มาวันนี้เรามีวิธีหาเงินรูปแบบใหม่และการชำระเงินรูปแบบใหม่มานำเสนอ นั่นคือ Bitcoin ถ้าหากถามว่ามันคืออะไรก็บอกได้เลยว่าตอนนี้มันเป็นสกุลเงินรูปแบบหนึ่งบน โลกออนไลน์โดยมีสัญลักษณ์ BTC เป็นตัวย่อซึ่งในปัจจุบัน 1 BTC มีค่า 90-100 USD หรือเรียกง่าย ๆ ว่า 1 BTC มีค่าเท่ากับเงินประมาณ 2500-3000 บาทเลยทีเดียว เป็นยังไงเริ่มสนใจอยากลองทำ Bitcoin ดูหรือยัง แต่ก่อนที่จะลองขุด Bitcoin ดูเรามาทำความรู้จักกับ Bitcoin กันซะก่อนดีกว่ามั๊ยหากเปรียบเทียบกันกับระบบชำระเงินทั่ว ๆ ไปแล้วเปรียบเหมือนกับท่านทำงานเพื่อให้ได้เงินมา แล้วนำเงินมาเข้าบัญชีเพื่อให้บัญชีมีการเคลื่อนไหวที่เราเรียกกันว่า Statement เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานว่าบัญชีเรามีการเคลื่อนไหว เพื่อฝาก-ถอน หรือทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ แต่ในโลกของ Bitcoin สิ่งที่ต้องมีคือ Address ซึ่งเปรียบเสมือนกับเลขที่บัญชี และ Block Chain เปรียบเสมือน Statement เพื่อตรวจสอบดูว่าเราทำอะไรไปยังไงบ้าง และสุดท้าย Bitcoin พระเอกของเราก็เปรียบเสมือน ธนบัตร นั่นเองที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน หรือจับจ่ายใช้สอยบนโลกออนไลน์นั่นเอง แต่ก็มีความแตกต่างเล็ก ๆ คือปกติเวลาเราฝาก-ถอน หรือทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ แล้วข้อมูลเหล่านี้ทางธนาคารจะเก็บไว้ที่ธนาคารทั้งหมด แต่เจ้าของบัญชีจะได้รับการบันทึกหลักฐานลงในสมุดบัญชีเท่านั้น แต่ในโลกของ Bitcoin นั้นความเคลื่อนไหวต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ที่ Block Chain เท่านั้นซึ่งภายใน Block Chain นั้นจะมีการเก็บทุกข้อมูลการทำธุรกรรมทั้งหมดเอาไว้ และหากเปรียบเทียบในความเป็นจริงแล้ว ธนบัตร จะถูกกำหนดจำนวนผ่านรัฐบาล และจัดจำหน่ายโดยธนาคาร แต่ในโลกของ Bitcoin นั้นแตกต่างกันเพราะเหล่า Bitcoin พวกนี้จะเกิดจากการคำนวณด้วย Algorithms ต่าง ๆ และในโลกของ Bitcoin นั้นไม่มีวันจะเกิดเงินเฟ้อ เพราะด้วย Algorithms ที่ซับซ้อนบวกกับจำนวน Bitcoin ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เมื่อมีคนขุดเจอ Block แล้วระดับความยากในการค้นเจอจะมีมากขึ้น ต่อให้อนาคตมีการค้นพบ Bitcoin มากขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์แรงขึ้น ก็จะไม่ทำให้กระทบกับจำนวนของ Bitcoin เช่นกัน นอกเสียจากว่าจะมี Hacker ที่มีความสามารถมากพอที่จะ Hack โลกของ Bitcoin ได้สำเร็จนั่นเอง

          ถ้าหากเปรียบเทียบกันแล้วเหมือนกับว่าครั้งแรกคุณค้นพบ Bitcoin 1 Block ซึ่งตอนนี้ 1 Block มีค่าเท่ากับ 25 BTC แต่เมื่อระดับความยากเพิ่มขึ้น ค่าของ BTC ที่สามารถแลกได้จะมีค่าลดลงนั่นหมายความว่าในอนาคตนั้น 1 Block นั้นอาจจะมีค่าเพียง 0.1 BTC หรือ 0.0001 BTC ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นต่อให้เจอ Bitcoin มากขึ้นเท่าไรก็ไม่มีความกระเทือนกับระบบเลย และด้วย Algorithms นี้ผู้สร้างระบบเลยรับประกันว่าจะไม่มีเงินเฟ้ออย่างแน่นอน (โดยในช่วงแรกทุก ๆ 10 นาทีจะมีการค้นพบ Block เพียง 1  Block เท่านั้น หมายความว่าในหนึ่งเดือนจะมีการค้นพบ Block เพียงแค่ 4032 Block ต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งมูลค่าของ Block แต่ละ Block จะไม่เท่ากัน โดยตั้งแต่ที่มีการเปิดให้ใช้งาน Bitcoin นั้น 210,000 แรกจะมีค่า Block ละ 50 BTC และ 210,000 ต่อมาจะมีมูลค่า Block ละ 25 BTC และจะลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 210,000 Block ไปเรื่อย ๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมูลค่าของ Bitcoin จะจำกัดอยู่เพียงแค่ 21 ล้าน BTC เท่านั้น และด้วยการขุดบล็อคที่มีอยู่จำกัดนี้เองที่ทำให้ตัว Bitcoin มีมูลค่ามากและสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินในชีวิตจริงได้ ) และเมื่อมีการขุดเจอ Bitcoin แล้วจะถูกแจกจ่ายให้กับ Miner ซึ่งก็คือบุคคลที่รัน Software Bitcoin Miner บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของ Miner นั่นเองซึ่งจะทำงานและนำรายละเอียดรายการทำงานทั้งหมดมาบันทึกลงใน Block Chain ซึ่งจะทำให้ผู้รัน Software ได้รับ Bitcoin นั่นเอง

Hugo_Bitcoin-cartoon2.jpg

          ในปัจจุบันนี้ธนาคารหลาย ๆ ธนาคารก็รองรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินของ Bitcoin แล้วนี่เป็นการยืนยันได้อีกว่าทางธนาคารยังให้ความเชื่อถือกับสกุลเงินนี้ แล้วอีกด้วย แต่สกุลเงินนี้ไม่เหมือนสกุลเงินทั่วไป แต่จะมีการขึ้นลงเหมือนกับหุ้นหรือทองคำ โดยสามารถซื้อไว้เก็งกำไรได้ และหากว่าท่านต้องการแลกเปลี่ยน Bitcoin เป็นสกุลเงินของแต่ละชาติตามที่ท่านต้องการได้ โดยการแลกเปลี่ยนของท่านทำได้ 2 แบบคือผ่านเวปไซต์ที่รับ Trade Bitcoin หรือประกาศขายซึ่งก็จะไม่เหมือนกับการแลกเปลี่ยนธนบัตรเงินจริงที่มีสถานที่ รับแลกเงินมากมาย แต่ Bitcoin หากท่านประกาศว่าต้องการแลก Bitcoin ก็สามารถทำได้โดยประกาศไว้ว่า 1 BTC ที่ท่านมีต้องการแลกเป็นเงินสกุลใดที่อัตราเท่าใด ถ้าหากว่ามีคนสนใจก็จะเข้ามาแลกเปลี่ยนด้วย แต่ถ้าหากไม่มีคนสนใจท่านก็ต้องถือครอง BTC นั้นต่อไป ซึ่งแตกต่างจากธนบัตรที่มีสกุลเงินของประเทศใด ๆ ที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ทุกธนาคาร และทุกธนาคารก็พร้อมที่จะรับแลกทันที ไม่เหมือน Bitcoin ที่ถ้าหากไม่มีคนเอาก็ทำอะไรไม่ได้นั่นเอง แต่ส่วนใหญ่คนที่ถือครอง Bitcoin นั้นจะนำ Bitcoin ไปใช้จับจ่ายใช้สอยในโลกออนไลน์มากกว่า เพราะหลาย ๆ เวปไซต์ที่เป็นร้านค้าชื่อดังก็ยอมให้มีการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงิน BTC ได้เช่นกันเช่น eBay และ Paypal เป็นต้น นับว่าตอนนี้เป็นอะไรที่กำลังเฟื่องฟูมาก ๆ เพราะว่าตอนนี้เริ่มมีคนขุด Bitcoin มากขึ้นทั้งในอเมริกา และยุโรปหลาย ๆ ประเทศแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม ก็เปิดขุด Bitcoin กันเยอะอยู่พอสมควรแต่ก็นะ ประเทศไทยก็แบบนี้แหละ ล้าหลังรู้อะไรหลังคนอื่นเขา แต่ตอนนี้เราก็ได้นำเสนอเรื่องนี้ออกมาให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบโดยทั่วกัน

     การทำ Bitcoin Mining มีอยู่หลัก ๆ 2 แบบคือ Solo กับ Pool ซึ่งจะแตกต่างกันดังนี้ 1. Solo คือการขุดแบบขุดคนเดียว แบบที่ว่าถึงเวลาถ้าโชคดีเจอ Block Chain ก็ได้ไปคนเดียว แต่ความเป็นไปได้มีตั้งแต่ 0 ขึ้นไปถ้าโชคดีวันเดียวอาจจะเจอ Block Chain เลยก็ได้ หรือถ้าโชคร้ายเปิดขุด 3 เดือนอาจจะไม่เจอเลยก็ได้ แต่ถ้าหากเจอก็ได้รับไปเต็ม ๆ คนเดียวไม่ต้องแบ่งใคร
2. Pool แบบนี้จะมีเวปไซต์เป็นศูนย์กลางเพื่อให้หลาย ๆ คนมาช่วยกันขุด Block Chain ถ้าขุดเจอก็จะนำ BTC มาถัวเฉลี่ยแบ่งกันซึ่งกรณีนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะถ้าเราขุดมากถ้าเจอก็ยิ่งได้มาก แต่ถ้าเราขุดน้อยก็จะได้น้อย ซึ่งก็เป็นธรรมดี เพราะถ้าเราขุดคนเดียว 3 เดือนไม่ได้เลยเราก็จะไม่ได้อะไร แต่ถ้าเราขุด 3 เดือนแล้วมีคนอื่นได้เราก็ได้กับเขาไปด้วย ซึ่งก็ถือว่าก็เป็นการลดความเสี่ยงได้มากอยู่พอสมควร เพราะยังไงเปอร์เซ็นต์ในการที่จะขุดเจอมันมีเยอะกว่าเพราะช่วยกันขุดหลายคน ไม่ได้ขุดอยู่แค่คนเดียว เรียกได้ว่า Pool นั้นเป็นเสมือนกับรายได้ของทุกคน และจะมีการหักเปอร์เซ็นต์ตามกฏของแต่ละ Pool เสมือนกับค่าดำเนินการนั่นเอง

bitcoin_dsktop_wp_blocks_2_by_carbonism-


    ขั้นตอนการทำ Bitcoin Mining มีอยู่ 3 ขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนแรกคือไปที่เวปไซต์ http://www.bitcoin.org แล้วไปดาวน์โหลด Software ที่ชื่อว่า Bitcoin Wallet มาหลังจากนั้นก็เปิดโปรแกรมขึ้นมา โดยตัว Bitcoin Wallet นี้จะเป็นเหมือนสมุดบัญชีที่จะทำให้เราสามารถเปิดบัญชี เพื่อนำเลขที่บัญชีไปใช้ในการเก็บข้อมูลประวัติการขุด Block ทั้งหลายผ่านโปรแกรมประเภท Miner นั่นเองหลังจากที่เราเปิดโปรแกรม Bitcoin Wallet ขึ้นมาจะต้องรอให้ตัวโปรแกรมคำนวณหา Block ที่มีอยู่ในระบบทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเสียก่อน หลังจากนั้นระบบจะทำการ Generate เลขที่ Address ขึ้นมาให้ซึ่งเราต้องเอาเลขที่ Address นี้ไปใส่ใน Software Miner เพื่อให้เก็บข้อมูลเข้าไปในระบบของ Bitcoin หลังจากที่เราได้ Address มาเรียบร้อยแล้วก็ต้องไปหา Software Miner นั่นเอง

687474703a2f2f66742e766d2e746f2f626c6f67


ขั้นตอนที่สอง ให้เราไป Download Software Miner มาในที่นี้จะแนะนำของ http://www.50btc.com ซึ่งจะเป็น Miner แบบ Pool ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้เปิดเครื่องไว้เพื่อขุด Bitcoin ตลอดเวลาก็น่าจะเหมาะสม หลังจากที่เราสมัครสมาชิกเพื่อเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้วระบบแนะนำจะให้เรา Download Software Miner ที่ชื่อว่า 50Miner มาหลังจากที่เรา Download เสร็จสิ้นแล้วจะต้องแตกไฟล์โปรแกรมออกมาไว้ในตำแหน่งใดก็ได้ที่เราต้องการ แล้วทำการ เปิดตัวโปรแกรมขึ้นมา โดยตัวโปรแกรมจะให้เราทำการใส่ Username กับ Password ชื่อของ Pool Server และ Port ที่ทาง Pool นั้นได้ตั้งค่าไว้ให้ เมื่อเราใส่เสร็จแล้วก็จะต้องกดที่ปุ่ม Start เพื่อให้ตัว Software Miner ทำงานหลังจากนั้นก็รอ รอ รอ แล้วก็รอ จนกว่าตัวโปรแกรมจะทำการขุดได้ โดยหากเราขุดในรูปแบบของ Pool นั้นทาง Pool Server จะคิดการขุดของเราเป็นงาน ซึ่งในการขุดแต่ละครั้งจะได้งานไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ และความสามารถของเครื่อง ซึ่งความเร็วในการขุด Block นั้นใช้หน่วยนับที่เรียกว่า MH/s หรือ Mega Hash Per Sec นั่นเองโดยรายละเอียดในส่วนของการคำนวณค่า Hash นี้จะนำเสนอในหัวข้อถัดไป โดยแต่ละงานจะมีราคาของงานไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าระดับความยากง่ายของ Share ที่เราขุดอยู่ ถ้าหากว่าเราพึ่งจะเริ่มทำ Mining จะอยู่ที่เลเวล 1 ซึ่งพอเราทำได้ครบหนึ่งงานจะทำ Share ให้กับ Pool Server รับรู้เมื่อรับรู้แล้วจะส่ง Accept/Reject ให้ทราบถ้าหาก Pool Server รับทราบแล้วจะส่งเป็น Accept กลับมาให้เราซึ่งหากเรามี Share Difficulty เลเวล 1 จะได้ค่างานที่ 0.0000270 BTC และค่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อ Share Difficulty มีเลเวลเพิ่มขึ้น และจะเพิ่มเป็นสองเท่าขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่นถ้า Share Difficulty ที่เลเวลสองจะมีค่างานที่ 0.0000540 BTC และเมื่อถึงเลเวลสามก็จะมีค่างานที่ 0.0001080 BTC เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง และในปัจจุบันมีการทำ Share Difficulty ที่เลเวลสูงสุดที่เลเวล 64 ซึ่งมีค่างานอยู่ที่ 0.0017280 BTC นั่นเอง และที่หน้าเวปไซต์ของ Pool Server นั้นจะมีรายละเอียดบอก เช่นว่าจำนวนงานที่เราขุดไปหากจะแลกให้เป็นเงินแล้วจะอยู่ที่เท่าไร โดยในเวปไซต์ตัวอย่างนั้น จะมีส่วนของการคำนวณให้ทางด้านขวามือที่มีชื่อว่า Reward Calculator ซึ่งสามารถบอกได้ว่าด้วยความเร็วที่เครื่องทำได้ และจำนวนงานในตอนนี้สามารถแลกเป็นเงินได้เท่าไรโดยจะมีสกุลเงินให้เลือก เพียงแค่ 3 สกุลเท่านั้นคือ USD, EUR, RUB นั่นเอง


chart_large_lin_90d.png

ขั้น ตอนสุดท้าย เราสามารถแลกแต้ม BTC ให้เป็นเงินได้โดยเข้าไปที่เมนู Payouts และทำการเบิกแต้มออกมาเป็นเงิน ซึ่งกว่าท่านจะได้เป็นเงินออกมาก็ต้องใช้เวลา ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านสามารถที่จะทำความเร็วต่องานได้มาก น้อยเพียงใด โดยปกติแล้วการประมวลผล Hash นั้นเราจะใช้ CPU ในการทำ Hash แต่ทว่าในปัจจุบันนั้นความสามารถในการประมวลผลฟังก์ชันเหล่านี้นั้นใช้ GPU เข้ามามีส่วนด้วย และที่สำคัญความเร็วในการประมวลผลของ GPU ในปัจจุบันนี้ถือว่ารวดเร็วเอามาก ๆ โดยในโปรแกรม 50Miner นั้นจะมีฟังก์ชันในการใช้ GPU ในการประมวลผลอยู่แล้วทำให้ท่านสามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาใช้งานได้ตามปกติ แม้ว่าท่านจะทำการขุด Bitcoin อยู่ก็ตามซึ่งจะแตกต่างจากการใช้ CPU ในการทำ Mining เพราะว่า CPU คือหน่วยประมวลผลหลักถ้าหากว่าเราใช้ CPU ในการประมวลผลไปแล้วจะทำให้ไม่สามารถใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ในด้านอื่นได้นอกจากจะปิด Software Mining เสียก่อน และความเร็วในการประมวลผล Hash ของ CPU นั้นก็ได้น้อยกว่า GPU หลายเท่านักซึ่งหากเปรียบเทียบดูแล้วแทนที่เราจะได้งานเร็วขึ้น และยังมี CPU เหลือในการทำงานอย่างอื่นเรากลับจะต้องเอา CPU มาเสียไปกับการทำ Hash ทำไมอีก ในเมื่อเรามี GPU ในการช่วยประมวลผลด้านนี้อยู่แล้ว

Hashing คืออะไร

gpu-bitcoin_0.jpg

การ ทำ Hashing คือ การนำเอาข้อความใดข้อความหนึ่งมาทำการเข้ารหัสผ่าน Algorithms ใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นความลับ ซึ่งการทำ Hashing จะแตกต่างจากการ Encrypt/Decrypt (การเข้ารหัส/ถอดรหัส) ตรงที่ Hashing จะเป็นการเข้ารหัสทางเดียว ไม่สามารถถอดรหัสได้ด้วย Algorithms โดยตรง แต่จะใช้วิธีการสุ่มข้อความต่าง ๆ แล้วนำมาทำ Hashing เพื่อเปรียบเทียบกับ Hashing แรกที่เราต้องการจะ Crack ว่าตรงกันหรือไม่ กรรมวิธีนี้เรียกว่าการทำ Brute-Force ซึ่งเราก็จะมาอธิบายต่อไปว่าความแตกต่างระหว่าง CPU กับ GPU ในการทำ Hashing นั้นแตกต่างกันอย่างไร เนื่องด้วย CPU และ GPU มีความสามารถในการประมวลผลที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ใช้วัดความสามารถของหน่วยประมวลผลซึ่งเราจะเรียกว่า GFlop/s ซึ่งเป็นการคำนวณทางทศนิยมต่อวินาที โดยไม่ว่าจะเป็น CPU หรือ GPU ต่างสามารถประมวลผลได้ 2 ลักษณะคือ เลขจำนวนเต็ม (Integer ได้แก่ -∞ ถึง -1,0,1 ถึง ∞) และเลขจำนวนจริง (Floating point หรือ เลขทศนิยม ได้แก่ -1.9 -1.8 ...... -1.1,0.1 0.2 ... , 1.0) ซึ่งความสามารถโดยส่วนใหญ่ของ CPU จะเน้นไปที่เลขจำนวนเต็ม และในทางกลับกัน GPU จะมีความสามารถมากในการประมวลผลเลขจำนวนจริง ดังนั้นเราจะเปรียบเทียบให้ดูคร่าว ๆ ยกตัวอย่าง CPU Intel Core i7 3770 มีความเร็วในการประมวลผลที่ 108.8 GFlop/s ที่ราคา 9250 บาทเทียบกับการ์ดจอค่ายแดงอย่าง AMD Radeon HD 7950 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลที่ 2867.2 GFlop/s ที่ราคา 8900 บาท ถ้าคิดเป็น Gflop ต่อ 1 บาทจะได้ I7-3770 9250/108.8 = 85.018 บาท ต่อ GFlop/s แต่ HD 7950 8900/2867.2 = 3.104 บาท ต่อ GFlop/s จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าการใช้ GPU ในการคำนวณ Hash นั้นคุ้มค่ากว่าการใช้ CPU ราว ๆ 28 เท่าเลยทีเดียว

Bitcoin-developer-Amir-Ta-005.jpg

ปล.ถ้า หากว่าใครเลือกขุดแบบ Solo หากเจอสัก Block เป็นผมจะรอให้ค่า Coin ขึ้นแล้วเอาไปแลกเป็นเงินแล้วเลิกขุดซะ ซื้อคอมชุดใหม่แรง ๆ ไปเลย เพราะกว่าจะขุดได้ใหม่ไม่รู้เมื่อไหร่ ถ้าดวงไม่ดีขุดเป็นปีไม่ได้ก็เสียค่าไฟฟรีนะจะบอกให้ ดังนั้นถ้าได้แล้วเลิกเลย เชื่อผม 555+

 Credits by หนึ่งสมอง สองมือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น